Found Earth-Size Planet Support Life

พบดาวเคราะห์ที่มีขนาดเท่าโลกเป็นครั้งแรก สิ่งมีชีวิตอาจอยู่ได้

       เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์ต่างดาวขนาดเท่าโลกในเขตอาศัยได้ ซึ่งเป็นดาวที่ "มีลักษณะเหมือนโลก" อาจจะมีน้ำในสถานะของเหลว และมีเงื่อนไขที่เหมาะสมสำหรับชีวิต


ภาพจำลองดาวเคราะห์ Kepler-186f
(NASA Ames/SETI Institute/JPL-CalTech)
       ดาวเคราะห์ที่เพิ่งพบถูกเรียกว่า Kepler-186f ถูกพบครั้งแรกโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ของนาซา มันห่างจากโลกประมาณ 490 ปีแสง

       ระบบของดาว Kepler-186f มีดวงอาทิตย์ที่ให้แสงน้อยกว่าของเรา และดาว Kepler-186f มีขนาดใหญ่กว่าโลกเล็กน้อย จากข้อมูลด้านระยะทางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ นักวิทศาสตร์เชื่อว่าดาวเคราะห์ดวงนี้น่าจะมีน้ำอยู่พื้นผิวของดาว

อาจเกิดดาวเคราะห์สำหรับอยู่อาศัย (Habitable Planet)

(http://i.space.com/)


       นักวิทยาศาสตร์คิดว่าดาวเคราะห์ Kepler-186f เป็นดาวเคราะห์วงนอกสุดในระบบ ซึ่งระบบของมันมีดาวเคราะห์ทั้งหมด 5 ดวง มันห่างจากดวงอาทิยต์ของมันประมาณ 52,400,000 กิโลเมตร ในทางทฤษฎี บริเวณที่ Kepler อยู่ เป็นเขตเอื้ออาศัย

       ระหว่างโลกถึงดวงอาทิตย์มีระยะทาง 150 ล้านกิโลเมตร



Reference
       1. http://www.space.com/25530-earthsize-exoplanet-kepler-186f-habitable-discovery.html

Giant Crater on Mars Was Once a Vast Lake

ภาพจำลองของทะเลสาบบนดาวอังคาร
       ปล่องภูเขาไฟยักษ์บนดาวอังคาร ครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่ โดย Curiosity Rover (รถโรเวอร์ที่ทำการสำรวจอยู่บนดาวอังคาร)

       ผลการศึกษาใหม่โดยนาซ่า จากแลนด์โรเวอร์ Curiosity ชี้ว่า ปล่องภูเขาไฟยักษ์บนดาวอังคารอาจมีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กดำรงอยู่เมื่อล้านปีในอดีต เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่

       รถแลนด์โรเวอร์ Curiosity ของนาซ่าพบหลักฐานเกี่ยวกับทะเลสาบในปล่องภูเขาไฟบนดาวอังคารที่กว้าง 154 กิโลเมตร ซึ่งรถแลนด์โรเวอร์ได้ทำการสำรวจตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2012

       ปัจจุบันพื้นผิวของปล่องภูเขาไฟแห้งแล้งสนิท แต่พบร่องรอยการไหลของน้ำในอดีตซึ่งเป็นตะกอน รอบๆปล่องภูเขาไฟมีความสูงประมาณ 5.5 กิโลเมตร

       ทะเลสาบแหล่งนี้มีอายุยืนยาวพอที่จะทำให้เกิดสิ่งมีชีวิต และเริ่มเจริญเติบโต

การก่อตัวที่ลึกลับของภูเขา (Mount Sharp)
ภาพ Mount Sharp โดยนาซ่า
(http://www.nasa.gov/)
       ต้นกำเนิดและวิวัฒนาการของภูเขาชาร์ป (Mount Sharp)ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันงง

       ก่อนหน้านี้มีภารกิจที่ส่งยานออกไปในเดือนพฤศจิกายน 2011

       ในหลายๆสถานที่ รถแลนด์โรเวอร์ Curiosity ได้ทำการเจาะสำรวจชั้นดินและชั้นหินและพบว่า ชั้นหินทรายด้านล่างมีความลาดเอียงไปทางภูเขาชาร์ป--ความลาดเอียงนี้น่าจะทำให้เกิดทะเลสาบขั้น




Reference
       1. http://www.space.com/27950-mars-crater-lake-curiosity-rover.html
       2. http://www.nasa.gov/mission_pages/msl/multimedia/pia15292.html

กลุ่มแก๊สที่จางๆ และเนบิวลาแมงกะพรุน | Sharpless 249 & Jellyfish Nebula

กลุ่มแก๊สที่จางๆอยู่บริเวณด้านซ้ายบน
และเนบิวลาแมงกะพรุนอยู่ทางด้านขวามือ

       ในความเป็นจริง เนบิวลาแมงกะพรุนเป็นส่วนหนึ่งที่หลงเหลือจากซูเปอร์โนวารูปฟอง[1] (IC 443 เศษเมฆฝุ่นที่ขยายตัว ซึ่งเกิดจากการระเบิดของดาวขนาดใหญ่)

       แสงจากการระเบิดนี้มาถึงโลกเป็นครั้งแรกกว่า 30,000 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับญาติของมัน--เนบิวลาปูซึ่งเป็นเศษเล็กเศษน้อยของซูเปอร์โนวาเช่นกัน

       เนบิวลาแมงกะพรุนเป็นที่รู้จักกันท่าเรือของดาวนิวตรอน
ส่วนที่เหลือของแกนตัวเอกทรุดตัวลง

       กลุ่มแก๊สที่จางๆอยู่บริเวณด้านซ้ายบน รู้จักกันในชื่อ "Sharpless 249"[2] เนบิวลาแมงกะพรุน อยู่ห่างโลกประมาณ 5,000 ปีแสง กว้างประมาณ 300 ปีแสง

ข้อมูลเพิ่มเติม
[1] แค็ตตาล็อกของเนบิวลาที่เจือจาง ( Sharpless Catalog )
[2] ซูเปอร์โนวารูปฟอง (IC 443)

Sharpless 249 and the Jellyfish Nebula
Image Credit & Copyright: César Blanco González
ที่มา http://apod.nasa.gov/apod/ap141203.html

ดาว Eta Carinae และการขยายตัวที่ผิดปกติของเนบิวลา Homunculus

การระเบิดของดาว Eta Carinae
ซึ่งอาจกลายเป็น
ซูเปอร์โนวา
       "Eta Carinae" เป็นชื่อดวงดาวที่มีดาวอย่างน้อย 2 ดวง ซึ่งเป็น'ระบบดาวคู่' ตอนนี้ยังไม่มีใครทราบว่า มันทำให้เนบิวลา "Homunculus" ขยายตัวผิดปรกติได้อย่างไร?

       ประมาณ 170 ปีที่ผ่านมา ตอนใต้ของระบบดาวที่ลึกลับ ชื่อ 'Eta Carinae' (Eta Car) ได้กลายเป็นระบบดาวที่มีความสว่างเป็นอันดับสองในท้องฟ้ายามค่ำคืน

       20 ปีต่อมา หลังจากที่มวลมากกว่าดวงอาทิตย์ของเรา Eta Car ได้จางหายไปอย่างไม่คาดคิด อย่างไรก็ตาม การระเบิดนี้ดูเหมือนจะสร้างเนบิวลา Homunculus ขึ้นมา

       ภาพ 3 ภาพ ของเนบิวลาที่ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลในปี 1995, 2001 และ 2008 ถูกรวมกันเป็นภาพเคลื่อนไหว (ดังภาพ)

       ศูนย์กลางของเนบิวลา Homunculus เป็นแสงจากดาวที่อยู่ตรงกลางที่สดใส ในขณะที่บริเวณโดยรอบมีการขยายตัวของก้อนก๊าซที่เจือปนด้วยเส้นใยของฝุ่นละอองที่มืดมิด

       Eta Carinae ยังคงเกิดการระเบิดที่ไม่คาดคิด มวลสูงและความผันผวนของมัน อาจทำให้เกิดการระเบิดเป็นซูเปอร์โนวาที่งดงามในช่วงไม่กี่ล้านปีข้างหน้า

Eta Carinae and the Expanding Homunculus Nebula
Image Credit: Hubble, NASA, ESA; Processing & Copyright: First Light, J. L. Dauvergne, P. Henarejos
ที่มา http://apod.nasa.gov/apod/ap141202.html

ภาพถ่ายของดวงจันทร์'ยูโรปา' โดยยานอวกาศกาลิเลโอ

รูปดวงจันทร์'ยูโรปา'
ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสฯ
       การวนรอบผ่านระบบดาวพฤหัสในช่วงปลายปี 1990 โดยยานอวกาศกาลิเลโอ ซึ่งได้บันทึกวิวทิวทัศน์ของดวงจันทร์ของดาวพฤหัส--ดวงจันทร์'ยูโรปา' ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าพื้นผิวของดวงจันทร์นี้เป็นน้ำแข็งที่อาจจะซ่อนมหาสมุทรลึกไว้ภายใน

       ภาพถ่ายดวงจันทร์ยูโรปานี้นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยใช้วิธีปรับเทียบใหม่ซึ่งจะแสดงสีภาพได้ใกล้เคียงกับสีที่ตามนุษย์จะมองเห็น

บนผิวของยูโรปามีรอยแตกเป็นเส้นโค้งยาวซึ่งมีแนวโน้มว่าด้านล่างจะเป็นของเหลว

       เนื่องจากดาวพฤหัสมีขนาดใหญ่ วงโคจรรอบดาวพฤหัสจึงมีลักษณะเป็นวงรี การโคจรนี้จะให้พลังงานเพียงพอที่จะทำให้มหาสมุทรเป็นของเหลว

       แต่สิ่งที่น่าคิดก็คือ มันมีความเป็นไปได้ว่า แม้ว่าไม่มีแสงแดดที่เกิดกระบวนการสร้างสิ่งมีชีวิต แต่อาจเป็นไปได้ว่ามันหาพลังงานจากแหล่งอื่นเพื่อทำให้เกิดการเอื้อต่อสิ่งมีชีวิต ชีวิตดังกล่าวน่าจะเติบโตได้ดีในน้ำทะเลลึก เช่น กุ้ง


ชื่อบทความ Galileo's Europa Remastered
Image Credit: NASA, JPL-Caltech, SETI Institute, Cynthia Phillips, Marty Valenti
ที่มา http://apod.nasa.gov/apod/ap141127.html